ชื่อกิจกรรม/โครงการ : |
โครงการสร้างความร่วมมือ (MOU) กับกรมสุขภาพจิตในการรับมือกับสถานการณ์โควิด-19
|
ที่มาและความสาคัญ : |
เพื่อรับมือกับการระบาดของโรคโควิด19 ระลอกใหม่ในช่วงปลายปี 2563 ในชุมชนแรงงานต่างชาติในพื้นที่ตลาดกุ้งมหาชัย สถาบันฯ ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการนำองค์ความรู้จากการทำงานวิจัยกับกลุ่มแรงงานข้ามชาติ มาประสานความร่วมมือกับศูนย์สุขภาพจิตที่ 5 และเครือข่าย NGO ในพื้นที่ ในการช่วยเหลือและดูแลสุขภาพจิตแก่แรงงาน รวมถึงการให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคโควิด19 ไม่ให้เกิดการระบาดซ้ำหรือมีการแพร่กระจายของโรคจนนํามาสู่ผลกระทบที่รุนแรงต่อระบบสังคมและเศรษฐกิจของประเทศไทย มหาวิทยาลัยมหิดลและ สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย โดยมีศาสตราจารย์นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดลและผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.มรกตไมย เออร์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางด้านการวิจัยและวิชาการ(MOU) กับกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข โดยมีแพทย์หญิงพรรณพิมล วิปุลากรอธิบดีกรมสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสขุและนางสาวรัชวลัย์ บุญโฉม ผู้อำนวยการศูนย์สุขภาพจิตที่ 5 เพื่อเผยแพร่ความรู้สร้างความเข้าใจในการรับมือกับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด19 และแก้ปัญหาสังคมอันเกิดจากผลกระทบของการระบาดโควิด19 ในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ในวันที่ 22 กมุภาพันธ์ 2564 |
ช่วงเวลาที่จัดกิจกรรม/โครงการ : |
2 ปี |
สถานที่จัดกิจกรรม/โครงการ : |
กิจกรรม online |
หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง/ผู้มีส่วนได้เสีย : |
ศูนย์สุขภาพจิตที่ 5 กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข หน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน และกลุ่มแรงงานในพื้นที่ตลาดกุ้งมหาชัย |
วัตถุประสงค์ : |
เพื่อพัฒนาความร่วมมือในการทํางานร่วมกันระหว่างองค์กรภาครัฐ ในการพัฒนาชุดความรู้ที่นํามาใช้ประโยชน์เปรียบเสมือนการสร้างเกราะป้องกันโรคด้วยข้อมูลทางการแพทย์และสาธารณสุขอย่างเป็นรูปธรรมแก่สังคมไทย |
รูปแบบการดำเนินกิจกรรม/โครงการ : |
ประชุม อบรม ผลิตสื่อ |
กลุ่มเป้าหมาย/กลุ่มผู้ร่วมกิจกรรม : |
หน่วยงานภาครัฐ ภาคประชาสังคม และภาคเอกชน และกลุ่มแรงงานในพื้นที่ตลาดกุ้งมหาชัย |
จำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรม : |
|
ผลลัพธ์ที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อ : |
กลุ่มแรงงานได้รับความรู้หรือการช่วยเหลือที่ถูกต้องหรือถูกตามหลักวิชาการ ส่งผลให้ผู้ประกอบการภาคธุรกิจชาวไทยสามารถดําเนินกิจการได้อย่างราบรื่นและผู้บริโภคชาวไทยสามารถเข้าถึงแหล่งอาหารที่มีราคาสมเหตสุมผล อันเนื่องมาจากการที่ภาคธุรกิจด้านอาหารมีกําลังผลิตด้วยแรงงานต่างชาติมีความพร้อมด้านสุขภาพกายและใจอย่างสมบูรณ์ รวมถึงการให้แรงงานต่างชาติมีสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลด้านการแพทย์และสาธารณสุขเพื่อการดูแลสุขภาพตัวเองได้อย่างปลอดภัย
นอกจากนี้ เกิดโครงการอบรมภาษาเมียนมาให้กับบุคลากรทางการแพทย์(โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย) ที่เป็นการเสริมศักยภาพด้านพหุวัฒนธรรม-พหภุาษาแก่บคุลากรทางการแพทย์ในประเด็นภาษาเมียนมายังเป็นการดําเนินงานอย่างต่อเนื่อง ในการระบาดระลอกใหม่ที่ทวีความรุนแรงอย่างมากในปัจจุบัน การให้ความรู้ด้านการสื่อสารและการทําความเข้าใจภาษาเมียนมาจึงเป็นการเตรียมความพร้อม ให้กับคุลากรทางการแพทย์ที่เปรียบเสมือนหน้าด่านของสังคมไทยในการเผชิญกับโควิด-19 ให้เกิดการเตรียมพร้อมและรู้เท่าทันสถานการณ์ที่มิอาจคาดเดาหรือพยากรณ์ได้ในอนาคต นําไปถึงการแก้ไขสถานการณ์ได้อย่างทันถ่วงทีหรือรวดเร็วนํามาซึ่งเป็นการลดการใช้งบประมาณสำหรับการจัดการในเรื่องนี้ การจดัการอบรม"ภาษาเมียนมาเพื่อบคุลากรการแพทย์" จำนวน 3 รุ่นโดยมี MissLwanPo ผู้เชี่วชาญด้านภาษาและวัฒนธรรมเมียนมาของสถาบันฯ เป็นวิทยากร
|
Web link : |
http://lc.mahidol.ac.th/rilca360/index.php/20210222-mentalhealth |
SDG Goal ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ : |
|
รูปภาพประกอบ : |
|