“ฟังสัญญาณธรรมชาติ” และอยู่ร่วมกับระบบนิเวศอย่างกลมกลืน: การปรับใช้องค์ความรู้ทางวัฒนธรรมของมอแกนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ขวัญจิต ศศิวงศาโรจน์, CuHeMo Project
Share on :

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนับว่าเป็นปัญหาระดับโลก ซึ่งปรากฏการณ์นี้นับวันยิ่งทวีความ รุนแรงและขยายตัวมากขึ้น ส่งผลกระทบครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งทางกายภาพ สิ่งแวดล้อม สังคม วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และการเมือง ประเทศไทยเองก็กำลังประสบกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเช่นกัน อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะมีการศึกษามากมายเกี่ยวกับการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ส่วนใหญ่ยังคงมุ่งเน้นเฉพาะด้านเทคโนโลยีและมุ่งควบคุมธรรมชาติ ยังมีความจำเป็นที่จะต้องทำการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในเชิงวิชาการก็มีการระดมสรรพปัญญาในระดับสากลเพื่อหาแนวทางรับมือกับภัยคุกคามดังกล่าว ภายใต้การนำของ Belmont Forum ทีมวิจัยพหุศาสตร์ของ 3 สถาบัน จาก Wageningen University, Netherlands สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล และ University of Vienna, Austria ได้ร่วมกันจัดทำโครงการ “Cultural Heritage in Motion: Indigenous Knowledge and Mobile Livelihoods in Changing Climates” โดยเสนอว่า มรดกทางวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองสามารถเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการปรับตัวและลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาของกลุ่มชนพื้นเมืองที่มีวิถีชีวิตแบบเคลื่อนย้ายเพื่อปรับตัวไปกับสภาพภูมิอากาศที่อาศัยอยู่ในแนวเส้นศูนย์สูตรที่เป็นเขตร้อนใน 3 ประเทศ คือ เอธิโอเปีย เซเนเกล และไทย มีระยะเวลาดำเนินการ 3 ปี (2567-2569)

สำหรับการวิจัยในประเทศไทยได้มุ่งศึกษามรดกทางวัฒนธรรมในกระบวนการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของชาว “มอแกน” เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงาและเกาะพยาม จังหวัดระนอง โดยใช้ระเบียบวิธีวิจัยเชิงชาติพันธุ์วรรณาในหลายพื้นที่ (multi-sited ethnography) และการเรียนรู้และปฏิบัติแบบมีส่วนร่วม (participatory learning and action: PLA)

การศึกษาในปีแรกเผยให้เห็นถึงภูมิปัญญาและวิถีชีวิตของชาว มอแกน ที่สอดคล้องกับธรรมชาติและมีความยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมาอย่างยาวนาน

ก่อนเกิดภัยพิบัติคลื่นยักษ์ซึนามิ (2004) ชาวมอแกนมีวิถีชีวิตกึ่งหมุนเวียนที่อาศัยอยู่ตามท้องทะเลเป็นส่วนใหญ่ โดยเคลื่อนย้ายตามฤดูกาลที่ล้อไปตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ รูปแบบการดำเนินชีวิตของชาวมอแกนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ช่วยให้เราเข้าใจความรู้ดั้งเดิมซึ่งเป็นกลยุทธ์ในการสร้างความยืดหยุ่นเพื่อการอยู่รอดที่ฝังอยู่ในเส้นทางการเดินทางของพวกเขา ความรู้ดังกล่าวไม่เพียงแต่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมเท่านั้น แต่ยังเป็นระบบการดำรงชีวิตที่สอดคล้องกับความสมดุลของระบบนิเวศ ความสามารถในการปรับตัวผ่านวิถีชีวิตแบบเคลื่อนย้ายทำให้วัฒนธรรมของพวกเขามีความเกี่ยวข้องอย่างมากในบริบทของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ชาวมอแกนมีความสัมพันธ์อย่างใกลชิดกับภูมิทัศน์ทะเลและธรรมชาติมาหลายชั่วอายุคนจนเป็นเอกลักษณของกลุมชาติพันธุ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสำหรับมอแกนถูกอธิบายในแงของความไม่สมดุลของธรรมชาติและมีมุมมองแบบองครวม ความเข้าใจและการตีความของพวกเขามีรากฐานมาจากความรูทางนิเวศวิทยาแบบดั้งเดิมและความเชื่อทางจิตวิญญาณ มอแกนได้พัฒนาความตระหนักรูที่ละเอียดออนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงทางนิเวศวิทยา มีวิธีการสังเกตอย่างลึกซึ้งและตีความสัญญาณธรรมชาติที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศในที่เกิดขึ้นพื้นที่ ซึ่งใหขอมมูลเชิงลึกอันมีคาเกี่ยวกับผลกระทบในทองถิ่น ปฏิทินตามฤดูกาลแบบดั้งเดิมเป็นองค์ความรู้สำคัญที่ใชในการเปรียบเทียบจังหวะของสิ่งแวดล้อมในอดีตและปจจุบัน ซึ่งเผยใหเห็นการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบสภาพอากาศที่เชื่อมโยงกับทรัพยากรของท้องทะเลและพิธีกรรม ซึ่งการเปลี่ยนแปลงด้านภูมิอากาศที่ชาวมอแกนสังเกตและรับรู ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงของลมและฤดูกาล การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเล โดยญาณวิทยาของพวกเขาเกี่ยวกับ “ระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น” ผ่านการสังเกตระดับน้ำเปรียบเทียบกับหมุดหมายที่เป็นธรรมชาติรอบตัวในชีวิตประจำวัน

นอกจากนี้ พวกเขายังสังเกตเห็นการกัดเซาะชายฝั่งที่มากขึ้นเรื่อยๆ รูปแบบสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไม่เพียงแต่สงผลตอวิถีชีวิตที่เกี่ยวพันกับทะเลของชาวมอแกนเทานั้น แต่ยังส่งผลกระทบตอทรัพยากรทางทะเลและป่าไม้ที่เป็นแหล่งอาหารและสิ่งจำเป็นอื่นๆ ในการดำรงชีวิตของพวกเขาอีกด้วย ภูมิปัญญาของพวกเขาทำหนาที่เป็นเครื่องมือที่มีชีวิตในการบันทึกการเปลี่ยนแปลงทางสิ่งแวดลอมในพื้นที่ที่ช่วยเสริมระบบการติดตามอื่นๆ ได้เป็นอย่างดี

การปรับใช้องค์ความรู้ทางวัฒนธรรมของมอแกนในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

วัฒนธรรมการเคลื่อนย้ายของชาวมอแกนไม่ได้เป็นเพียงมรดกทางวัฒนธรรมของชาติพันธุ์หนึ่งหรือเป็นเพียงวิถีชีวิตในอดีตเท่านั้น แต่ยังเป็นตัวอย่างของการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างลึกซึ้งและยั่งยืน ความสามารถในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมนี้คือ ภูมิปัญญาที่ควรถูกเรียนรู้และถ่ายทอดต่อไป เพื่อให้คนในสังคมสามารถดำรงชีวิตอย่างสมดุลกับธรรมชาติและลดผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่กำลังคุกคามโลกในปัจจุบัน แม้วิถีชีวิตของพวกเขาถูกผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างแล้วก็ตาม

ภูมิปัญญาของชาวมอแกนยังเป็นระบบที่มีคุณค่าสามารถนำมาสู่ประเด็นพิจารณาสู่แนวทางในการรับมือกับภาวะโลกร้อนและภัยพิบัติจากธรรมชาติ โดยข้อเสนอแรก คือ “การลดความฝืนต่อธรรมชาติ” โดยเปลี่ยน จากแนวคิดที่ต้อง “ควบคุมธรรมชาติ” มาเป็นการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ข้อเสนอที่สอง คือ การใช้ทรัพยากรอย่างพอเพียงและเคารพความสามารถในการฟื้นตัวของระบบนิเวศ และ ข้อเสนอสุดท้ายคือ “การฟังเสียงธรรมชาติ” และพัฒนาความรู้พื้นฐานในการเฝ้าระวังภัยพิบัติ ซึ่งสามารถผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง